บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาต่อไปนี้:

• Photoshop
• Adobe Premiere Pro
• Adobe Lightroom Classic
• Adobe Illustrator
• Adobe After Effects
• Adobe Audition

Photoshop

ฉันจะเชื่อมต่อ MX Creative Console เข้ากับปลั๊กอิน Photoshop ได้อย่างไร

หลังจากที่คุณติดตั้งปลั๊กอินจาก Marketplace ให้เปิด Photoshop อีกครั้ง แล้วปลั๊กอินจะเชื่อมต่อกับแอปโดยอัตโนมัติ หากต้องการยืนยัน ให้คลิกที่เมนูปลั๊กอินของ Photoshop เลือกรายการ “Logitech” แล้วเลือก Photoshop Plugin แผงขนาดเล็กที่เปิดขึ้นจะแสดง Connected (เชื่อมต่อแล้ว) และหมายเลขเวอร์ชัน

Adobe Premiere Pro

ฉันจะเชื่อมต่อ MX Creative Console เข้ากับปลั๊กอิน Premiere Pro ได้อย่างไร

ก่อนอื่นคุณต้องเปิดใช้งาน MX Creative Console เป็น Control Surface (อุปกรณ์) ใน Premiere Pro โดยขั้นตอนนี้ทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น 

วิธีเปิดใช้งาน:

1. เปิดเมนู Control Surface:
   • • Mac: PREMIERE PRO > SETTINGS (การตั้งค่า) > CONTROL SURFACE
     • Windows: EDIT (แก้ไข) > PREFERENCES (การกำหนดค่า) > CONTROL SURFACE

   

2. คลิกที่ ADD (เพิ่ม) เลือก “LogiPlugin”แล้วคลิก OK (ตกลง)

   

Adobe Lightroom Classic

ฉันจะเชื่อมต่อ MX Creative Console เข้ากับปลั๊กอิน Lightroom Classic ได้อย่างไร

หลังจากที่คุณติดตั้งปลั๊กอินจาก Marketplace แล้ว ให้เปิด Lightroom Classic อีกครั้ง แล้วปลั๊กอินจะเชื่อมต่อกับแอปโดยอัตโนมัติ

หากต้องการตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าติดตั้งปลั๊กอินอย่างถูกต้อง ให้เปิด Lightroom Classic แล้วเลือก ไฟล์ > เครื่องมือจัดการปลั๊กอิน โดยคุณควรจะเห็นปลั๊กอินระบุว่าทำงานอยู่

โหมดต่างๆ ใน ​​Lightroom Classic คืออะไร และฉันจะใช้งานโหมดเหล่านี้ได้อย่างไร

แอปพลิเคชันบางตัวจะมีโหมดที่แตกต่างกันภายในแอปพลิเคชันนั้นๆ โดยที่ชุดของการแมปที่มีประโยชน์จะแตกต่างกัน หรือจะลองนึกภาพว่าเป็นโปรไฟล์หลายโปรไฟล์ในแอปพลิเคชันเดียวกันก็ได้

ใน Lightroom Classic เรามีความสามารถในการแมปที่แตกต่างกันสำหรับโหมดเหล่านี้อยู่แล้ว:

• เมื่อ Lightroom Classic อยู่ในไลบรารี:
  • โหมดไลบรารีเริ่มต้น
• เมื่อ Lightroom Classic อยู่ระหว่างการพัฒนา :
  • โหมดพัฒนาเริ่มต้น
  • Crop Overlay
  • Spot Removal
  • Red Eye Correction
  • Masking

คุณสามารถเลือกโหมดได้โดยใช้ตัวเลือกโหมดที่ด้านบนสุดของรายชื่อการดำเนินการของ Lightroom Classic โปรดทราบว่าแต่ละโหมดอาจมีชุดการดำเนินการที่แตกต่างกัน เพราะบางโหมดอาจไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโหมดที่คุณเลือก

ในแต่ละโหมด คุณสามารถเลือกและกำหนดค่าการแมปหรืออุปกรณ์ของคุณให้สอดคล้องกันได้

ฉันจะหาโฟลเดอร์พรีเซ็ตในการพัฒนาของฉันได้จากที่ใด

หลักการทำงาน:

Logi Options+ จะดึงข้อมูลพรีเซ็ตในการพัฒนาของ Lightroom Classic ในสามกรณีดังนี้

1. Lightroom Classic ถูกเปิดใช้งานแล้ว (กระบวนการ Logi Options+ ต้องทำงานอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องมองเห็น UI ของ Logi Options+)
2. Logi Options+ ถูกเปิดใช้งานแล้วและ Lightroom Classic ทำงานอยู่แล้ว
3. “Update Develop Presets” (อัปเดตพรีเซ็ตในการพัฒนา) ถูกเปิดใช้งานใน Lightroom Classic (ขณะที่ Logi Options+ กำลังทำงานอยู่)

พรีเซ็ตในการพัฒนาจะปรากฏอยู่ใน UI ของ Logi Options+ ในส่วนปลั๊กอิน Lightroom Classic เลื่อนดูรายการการดำเนินการเพื่อค้นหากลุ่ม “Develop Presets” (พรีเซ็ตในการพัฒนา) ภายในกลุ่ม “พัฒนาพรีเซ็ต” ชุดพรีเซ็ตในการพัฒนาของ Lightroom แต่ละชุดจะมีกลุ่มย่อยใหม่ซึ่งประกอบด้วยพรีเซ็ตในการพัฒนาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

คุณสามารถกำหนดพรีเซ็ตในการพัฒนาแต่ละรายการจากกลุ่มย่อยให้กับอุปกรณ์ของคุณได้เป็นรายการ ๆ ไปได้

หมายเหตุ: ภายใน Lightroom Classic พรีเซ็ตในการพัฒนาจะพร้อมใช้งานภายใต้โมดูลในการพัฒนา (Develop Module) เท่านั้น แต่ Logitech MX Creative Console ช่วยให้คุณสามารถใช้พรีเซ็ตในการพัฒนาในโมดูลไลบรารี (Library Module) ได้ด้วย

จำนวนพรีเซ็ตที่แนะนำใน Logi Options+

Lightroom Classic อาจมีพรีเซ็ตในการพัฒนาได้หลายพันรายการ Logi Options+ สามารถเรียกดูได้ประมาณ 1,000 รายการและแสดงบน UI เพื่อกำหนดให้กับ MX Creative Console ในรูปแบบการดำเนินการ

หากจำนวนพรีเซ็ตในการพัฒนาเกินหนึ่งพันรายการ เราขอแนะนำให้คุณซ่อนพรีเซ็ตในการพัฒนาที่ไม่ต้องการ พรีเซ็ตในการพัฒนาที่ถูกซ่อนไว้จะลดจำนวนรวมของพรีเซ็ตที่ใช้ได้ ดังนั้น พรีเซ็ตที่เรียกดูไม่ได้ก่อนหน้านี้จะปรากฏบน UI ของ Logi Options+

วิธีซ่อนพรีเซ็ตในการพัฒนาใน Lightroom Classic:

1. เปิดใช้งานโมดูลในการพัฒนา
2. คลิกที่สัญลักษณ์ (+) ที่แผง Develop Preset (พรีเซ็ตในการพัฒนา)
3. เลือก “Manage Presets...” (จัดการพรีเซ็ต...)
4. ยกเลิกการเลือกกลุ่มพรีเซ็ตในการพัฒนาทั้งหมดที่ไม่จำเป็น
5. กด “Save” (บันทึก)

เหตุใดพรีเซ็ตในการพัฒนาที่ฉันเพิ่งสร้างขึ้นจึงไม่ปรากฏใน Logi Options+

Logi Options+ ไม่ได้ดึงข้อมูลรายการพรีเซ็ตในการพัฒนาโดยอัตโนมัติ

หลังจากที่คุณสร้างพรีเซ็ตในการพัฒนารายการใหม่และต้องการกำหนดให้กับอุปกรณ์ในรูปแบบการดำเนินการ คุณก็จำเป็นต้องอัปเดตด้วยตนเอง

1. เปิดเมนู “Help” (ความช่วยเหลือ) จากภายใน Lightroom Classic
2. เลือก “Plug-in Extras” (รายการพิเศษของปลั๊กอิน)
3. เลือก “Update Develop Presets List” (อัปเดตรายการพรีเซ็ตในการพัฒนา)
4. เปิด Logi Options+ และกำหนดพรีเซ็ตในการพัฒนาให้กับอุปกรณ์ของคุณ

Adobe Illustrator

ฉันจะเชื่อมต่อ MX Creative Console เข้ากับปลั๊กอิน Illustrator ได้อย่างไร

หลังจากที่คุณติดตั้งปลั๊กอินจาก Marketplace แล้ว ให้เปิด Illustrator อีกครั้ง และปลั๊กอินจะเชื่อมต่อกับแอปโดยอัตโนมัติ

Adobe After Effects

ฉันจะเชื่อมต่อ MX Creative Console เข้ากับปลั๊กอิน After Effects ได้อย่างไร

หลังจากที่คุณติดตั้งปลั๊กอินจาก Marketplace แล้ว ให้เปิด After Effects อีกครั้ง และปลั๊กอินจะเชื่อมต่อกับแอปโดยอัตโนมัติ

Adobe Audition

ฉันจะเชื่อมต่อ MX Creative Console เข้ากับปลั๊กอิน Audition ได้อย่างไร

หลังจากที่คุณติดตั้งปลั๊กอินจาก Marketplace แล้ว ให้เปิด Audition เพื่อเปิดใช้งานเป็น Control Surface ในการกำหนดค่า Audition:

ไปที่ Audition: Preferences (การกำหนดค่า) > Control Surface > เพิ่ม Logi Plugin